กินขนมอย่างไรไม่ให้อ้วน

หลายคนที่กำลังลดน้ำหนัก แต่ก็เจอปัญหาที่หักห้ามใจได้ยากเสียเหลือเกิน “ขนม” กรุบกริบแสนโปรด ที่มีติดบ้าน ติดออฟฟิศไว้ตลอดเวลา เหงาปากเมื่อไรก็หยิบมารับประทานอยู่บ่อย ๆ ทีนี้ก็เลยทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปแบบไม่ทันใจ หรือไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร วันนี้เราเลยนำเคล็ดลับที่จะมาบอกว่า “กินขนมอย่างไร ไม่ให้อ้วน” มาฝากท่านผู้อ่านกันด้วย ไปลองดูกันดีกว่า
1. เลือกชนิดที่ให้พลังงานต่ำกว่า
สำหรับขนมสุดโปรดของคุณ ถ้าจะต้องเลิกรับประทานเอาเสียดื้อๆ ก็อาจทำให้เป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อหายไปได้เลย (ว่าไปนั่น..) วิธีก็คือให้เลือกรับประทานแบบที่ให้พลังงานต่ำกว่า เช่น คุณอาจจะชอบทานโดนัทเป็นชีวิตจิตใจ ก็อาจจะลองเปลี่ยนเป็นโดนัทโฮลวีทไขมันต่ำ หวานน้อย ฯ แทน หรือถ้าคุณชอบมันฝรั่งทอด ก็ลองเปลี่ยนไปซื้อมันฝรั่ง มาโรยเกลือพริกไทย แล้วใส่เตาอบแทน ก็จะทำให้น้ำหนักตัวของคุณลดลงได้อย่างรวดเร็ซ โดยที่ไม่ได้รู้สึกอยากอาหาร หรือต้องสูญเสียความอร่อย หรือรู้สึกอดอยากแต่อย่างใด
ซึ่งวิธีการเปลี่ยนวิธีการประกอบอาหาร หรือเลือกชนิดอาหาร/ขนม ที่ให้พลังงานต่ำกว่า เป็นวิธีที่มีการพิสูจน์มาแล้วว่า ทำให้การลดน้ำหนักในระยะยาว มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าการตัดของโปรดทั้งหมดออกไปเลย
2. เอาไปซ่อน
รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่ทำให้ความอยากเกิดขึ้นได้ หลายคนชอบรับประทานลูกอมหรือคุกกี้ห่อเล็ก ๆ ระหว่างวัน ซึ่งในลูกอม ท๊อฟฟี่ คุกกี้ เหล่านี้ก็จะมีน้ำตาล ถ้าพยายามหลีกเลี่ยงได้ ก็จะทำให้การควบคุมน้ำหนักทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิธีที่เราแนะนำก็คือ นำไปซ่อนซะ!! บางทีที่รู้สึกเหงาปาก พอเหลือบไปเห็น คุกกี้ห่อเล็ก ๆ หน้าตาน่ารับประทาน หรือเหลียวไปเห็นท๊อฟฟี่สุดโปรด ที่แค่มองก็นึกถึงรสชาติออกแล้ว ก็จะทำให้เราอดใจไม่ไหว ต้องหยิบมารับประทานนั่นเอง ดังนั้นสู้ไม่เห็นซะเลยก็จะดีกว่า โดยพยายามเก็บให้พ้นสายตา เช่น ใส่กระป๋องทึบ หรือนำไปซ่อน ๆให้ไกลจากโต๊ะทำงานเสียหน่อย วิธีนี้จะช่วยให้คุณหยิบขนมโปรดมาทานระหว่างวันน้อยลงได้อย่างน่าอัศจรรย์เลยทีเดียว
3. ต้องแกะเอง
สำหรับคนที่ชอบทานขนมแนวถั่ว หรือธัญพืชมีเปลือกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ถั่ววอลนัท เมล็ดทานตะวัน เมล็ดแตงโม เมล็ดฟักทอง ฯ แนะนำว่าอย่าซื้อแบบที่เค้าแกะมาให้แล้ว เนื่องจากการแกะเปลือกด้วยตัวเอง จะทำให้คุณทานได้น้อยลง บางทีแค่เมล็ดฟักทองถุงละ 10 บาท กว่าจะกินเสร็จ อาจจะใช้เวลาไปเป็นชั่วโมง และนอกจากนี้ ความยุ่งยากในการแกะ การกระเทาะเปลือกเหล่านี้ ยังช่วยทำให้คุณเผาพลาญแคลอรี่เพิ่มอีกเล็กน้อยด้วย
4. เลือกรับประทานผลไม้แทนขนม
อุปสรรคอีกอย่างหนึ่งของการลดน้ำหนัก ก็คือช่วงระหว่างมื้อ ยิ่งทิ้งช่วงนาน ท้องก็ยิ่งร้องโกร๊กกร๊าก หากเป็นในภาวะปกติ คุณก็คงไม่พลาดที่จะหยิบขนมคบเคี้ยว หรือขนมสุดโปรด ขึ้นมาทานระหว่างมื้ออาหาร อยากให้ลองเปลี่ยนเป็น ผลไม้อะไรก็ได้ที่คุณชอบทาน (เว้นทุเรียนนะ) มารับประทานระหว่างมื้อแทนขนมขบเคี้ยว เช่น แอปเปิ้ล สาลี่ สตอเบอรี่ กลุ่มนี้จะแช่เย็นไว้ได้นาน ไม่ต้องหาซื้อบ่อย หรือจะเป็นผลไม้รถเข็นทั่วไป อย่างสับปะรด แตงโม ฝรั่ง ฯ
ผลไม้มีไยอาหารมาก เส้นไยอาหารเหล่านี้ จะช่วยป้องกันภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรืออ้วน เพราะทำให้เรารู้สึกอิ่มได้ แถมยังมีพลังงานต่ำ ช่วยให้การลดน้ำหนักได้ผลดีขึ้นอีกด้วย
5. ไม่ซื้อขนมทีละเยอะๆ
ถือได้ว่าเป็นกฎเหล็กอีก 1 ข้อ สำหรับการลดน้ำหนักเลยก็ว่าได้ คนเรามักจะยอมแพ้ต่อความอยากทานเอาเสียง่ายๆ หากมีขนมอร่อยๆมาวางล่อตาล่อใจอยู่ข้างหน้า ดังนั้นทางทีดีที่สุด คือพยายามซื้อขนมให้น้อยลง ซื้อทีละ 1 ชิ้น เท่าที่อยากรับประทาน และที่สำคัญ เวลาซื้อขนมตอนหิว ๆ ต้องพยายามย้ำตัวเองว่า ชิ้นเดียวพอเน้อ ชิ้นเดียวพออออ….!!!! ถ้าทำได้ล่ะก็ รับรองผอมแน่นอนจ้า
จบกันไปแล้วนะคะ สำหรับเคล็ดลับดี ๆ 5 ข้อ สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก แต่ยังอยากทานขนมของโปรดอยู่ สำหรับแนวทางที่เราได้นำมาแนะนำกันในวันนี้ ก็จะช่วยทำให้คุณผู้อ่านสามารถลดน้ำหนักไปได้ด้วย แถมยังสามารถยังทานของอร่อยสุดโปรดในบางครั้งได้อยู่ ทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้นาน ไม่ตึงเครียดไป มีโอกาสสำเร็จสูงมากขึ้นด้วยนะ รู้แล้วอย่าลืมไปลองทำตามกันดูนะคะ